ภาษีศุลกากรล่าสุดที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปกำหนดกำลังส่งผลกระทบต่อภาคยานยนต์ของเอเชียเนื่องจากเป็นการจำกัดการกระจายตลาดที่เป็นไปได้ในตะวันตก1 นอกจากภาษีแล้ว บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงในภูมิภาค โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่กำลังกระตุ้นการลงทุนและการกระจายไปยังตลาดทางเลือก เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านการลงทุนจัดตั้งโรงงานใหม่ไปจนการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับประเทศต่างๆ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยและอินโดนีเซีย2
สร้าง หรือ ซื้อกิจการ
สำหรับธุรกิจยานยนต์ที่เลือกที่จะเพิ่มกำลังการผลิตผ่านการเข้าซื้อกิจการ ความเสี่ยงในการทำธุรกรรมเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่จำเป็นต้องมีการคุ้มครองผ่านประกันภัยการรับประกันและการชดใช้ค่าเสียหาย (Warranty and Indemnity) ในกรณีที่มีการสร้างโรงงานใหม่ ควรต้องมีการพิจารณาความเสี่ยงทั้งในระยะการก่อสร้างและการดำเนินงาน ทั้งนี้ความเข้าใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง บทบาทของพวกเขา รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นล้วนส่งผลต่อการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพตลอดระยะเวลาทั้งโครงการ
ธุรกิจยานยนต์เผชิญกับความเสี่ยงหลัก 5 ประการในขั้นตอนการก่อสร้างและการดำเนินงานเมื่อมีการตั้งโรงงานใหม่ ยกตัวอย่างเช่น ความเสี่ยงทางกายภาพ (เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม ความร้อน แผ่นดินไหว) ความเสี่ยงทางสัญญา ความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของธุรกิจและห่วงโซ่อุปทาน ความรับผิดต่อบุคคลภายนอกและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับบุคลากร
ในปี 2023 เอเชียเป็นภูมิภาคที่ประสบภัยพิบัติมากที่สุดในโลก3 เหตุการณ์สภาพอากาศที่เลวร้ายสามารถก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อโรงงานผลิต ในปี 2020 โรงงานผลิตรถยนต์ 20 แห่งในประเทศไทย4 ซึ่งมีกำลังการผลิตประมาณ 10% ของการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ทั้งหมดของประเทศ ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
สำหรับความเสี่ยงทางกายภาพในขั้นตอนการก่อสร้าง กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด (C, O, F) จำเป็นต้องพิจารณาผลกระทบของภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ส่งผลต่อความก้าวหน้าของการก่อสร้างและการพิจารณาการดำเนินธุรกิจในอนาคต ไม่เพียงแต่เจ้าของต้องมั่นใจว่าการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่เป็นไปตามกฎระเบียบมาตรฐานขั้นต้นในระดับท้องถิ่น แต่ยังต้องคำนึงถึงมาตรฐานสากลที่มีความเข้มงวดกว่า เช่น NFPA และ FM Global ในกรณีของเทคโนโลยีใหม่ แนะนำให้มีการปรับกระบวนการตรวจสอบการออกแบบควบคู่ไปกับการประเมินความเสี่ยงเชิงวิศวกรรมเพื่อระบุอันตรายของการออกแบบที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพย์สิน สิ่งแวดล้อม คนงานและสาธารณะ ซึ่งการตรวจสอบนี้จะช่วยประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและเป็นการประเมินความเสียหายสูงสุด (Estimated Maximum Losses หรือ EMLs) อันเนื่องมาจากการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวก และช่วยให้เจ้าของสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล
นอกจากนี้ เพื่อให้มั่นใจว่ามีความคุ้มครองเพียงพอ องค์กรจึงต้องมีการประเมินความเสี่ยงอย่างแม่นยำผ่านการวิเคราะห์ความเสี่ยงทางกายภาพ (Physical Risk Modeling) โดยที่ปรึกษาด้านความเสี่ยง และมีการจัดทำความคุ้มครองของประกันภัยที่เหมาะสมเป็นลำดับถัดไป ทั้งนี้ความเสี่ยงในการก่อให้เกิดมลพิษหรือความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมระหว่างการก่อสร้างมักจะสูงกว่าในช่วงการดำเนินธุรกิจตามปกติของสถานที่ การรั่วไหลของเชื้อเพลิงหรือการปล่อยน้ำในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นอาจส่งผลให้เกิดการเรียกร้องค่าเสียหายจากหน่วยงานที่กำกับดูแลหรือบุคคลภายนอก หรืออาจมีการเรียกร้องการทำความสะอาดตามมาในภายหลัง ประกันภัยความรับผิดจากมลพิษของผู้รับเหมาก่อสร้างสามารถใช้เพื่อประกันความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนความเสียหายต่อทรัพย์สินและการหยุดชะงักทางธุรกิจ (Property Damage and Business Interruption หรือ PDBI) ในระยะของการดำเนินธุรกิจจาก Marsh Asia แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการได้รับการคุ้มครองที่เพียงพอต่อความเสี่ยงทางกายภาพ โดยในช่วงเวลาเพียงหนึ่งปีจาก 2022 ถึง 2023 จำนวนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของประกันภัยทรัพย์สินและประกันธุรกิจหยุดชะงัก (Property Damage และ Business Interruption หรือ PDBI) ในเอเชียเพิ่มขึ้น 18%
โดยธุรกิจแต่ละแห่งไม่ว่าจะเป็นในภาคอุตสาหกรรมใดก็ตามต่างมีเอกลักษณ์ รูปแบบการดำเนินงาน และลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป เช่น ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐานหรือสาธารณูปโภคที่มีการใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน รวมไปถึงการสูญเสียจากการหยุดชะงักทางธุรกิจได้
ด้วยความถี่และความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของภัยพิบัติทางธรรมชาติ การประกันภัยแบบดั้งเดิมอาจไม่เพียงพอที่จะคุ้มครององค์กรจากความสูญเสียเนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ (Natural Catastrophe หรือ Nat Cat) ในกรณีนี้การประกันภัยแบบพาราเมตริก (Parametric Insurance) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างความคุ้มครองของประกัน PDBI โดยประกันแบบพาราเมตริกจะให้ความคุ้มครองที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดภัยที่ได้มีการกำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น การระบุความเร็วลมหรือระดับปริมาณน้ำฝน เพื่อให้มั่นใจถึงความแน่นอนและประสิทธิภาพของการจ่ายค่าสินไหมเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นตามเงื่อนไขที่ได้ระบุดังกล่าว
ในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วควบคู่ไปกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ธุรกิจที่เข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้างโรงงานผลิตที่ทันสมัยต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางสัญญาที่หลากหลาย
ด้วยแต่ละโครงการมีลักษณะเฉพาะตัว อีกทั้งวิธีการส่งมอบโครงการที่เลือกใช้นั้นล้วนมีทั้งความเสี่ยงที่สามารถรับประกันได้ รับประกันได้บางส่วน และไม่สามารถรับประกันได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องได้รับการประเมินอย่างรอบคอบตลอดระยะเวลาของโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการโอนความเสี่ยงผ่านการประกันภัยเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุด
สำหรับบริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์ การจัดการความซับซ้อนของสัญญาเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญยิ่งเพื่อให้โครงการเสร็จสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ และเมื่อเข้าสู่ระยะของการดำเนินธุรกิจ บริษัทต้องตรวจสอบสัญญาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามข้อผูกพันด้านการประกันภัย มีการจัดสรรความเสี่ยงและข้อกำหนดการชดใช้ค่าเสียหาย
ดังนั้น การทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านความเสี่ยงที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะทางจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับโซลูชันเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงของผู้รับเหมาตลอดระยะเวลาของโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เนื่องจากความไม่แน่นอนของห่วงโซ่อุปทาน กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด (C, O, F) ควรมั่นใจว่าโครงการก่อสร้างได้รับการคุ้มครองอย่างเพียงพอด้วยประกันภัยความล่าช้าในการดำเนินงาน (Delay in Start-Up หรือ DSU)
เมื่อเข้าสู่ช่วงการดำเนินกิจการ ธุรกิจยานยนต์ควรสร้างแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) ที่ปรับให้เหมาะสมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการจัดการความเสี่ยงในการปฏิบัติการ และควรดำเนินการและทบทวน BCP อย่างสม่ำเสมอ (เช่น การทบทวนเรื่องการหยุดชะงักของธุรกิจ หรือ BI) เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการสำรองสามารถนำมาใช้ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเกิดความเสี่ยงใดๆ ขึ้น และเพื่อลดผลกระทบต่อการหยุดชะงักของธุรกิจและห่วงโซ่อุปทาน ตัวอย่างเช่น วิกฤตทะเลแดงได้ส่งผลกระทบขึ้นทันทีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ โดยที่ Tesla และ Volvo Car5 ต้องหยุดการผลิตเนื่องจากการขาดแคลนชิ้นส่วนในปี 2024
เพื่อให้การฟื้นฟูหลังจากเหตุการณ์การหยุดชะงักทางธุรกิจ (เช่น ไฟฟ้าดับ ความล่าช้าในการขนส่ง) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจยานยนต์ยังต้องการการสนับสนุนจากทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน โดยทีมงานด้านการบัญชีเชิงนิติวิทยา นักวิเคราะห์ความล่าช้าและฝ่ายบริการด้านการเรียกร้องค่าสินไหมของ Marsh สามารถช่วยองค์กรต่างๆ ในการทบทวนการหยุดชะงักทางธุรกิจเพื่อประเมินความเสียหายให้กับผู้รับประกันภัยอย่างแม่นยำ และนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพผลลัพธ์ของการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
นอกจากนี้ ‘Sentrisk’ ของ Marsh ยังใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI มาช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทานและการถ่ายภาพดาวเทียมเชิงภูมิสารสนเทศ เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ วางแผนห่วงโซ่อุปทานได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถพัฒนากลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยง การโอนย้ายความเสี่ยง และการจัดการที่สอดคล้องกับความต้องการทางธุรกิจของพวกเขามากขึ้น
ผู้ผลิตยานยนต์ต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านความรับผิดต่อบุคคลภายนอกอย่างมากทั้งในขั้นตอนการก่อสร้างและการดำเนินงาน ความเสี่ยงเหล่านี้มีตั้งแต่ความรับผิดทั่วไปของบุคคลภายนอกในช่วงระหว่างแต่ละขั้นตอนของการผลิตไปจนถึงความรับผิดต่อผู้ใช้ปลายทาง ทั้งนี้การพัฒนาเทคโนโลยีและกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไปอาจทำให้ธุรกิจยากที่จะจัดหาความคุ้มครองประกันภัยที่เหมาะสม
ปัญหาความรับผิดต่อบุคคลภายนอกมักเกิดขึ้นในช่วงการดำเนินธุรกิจ เจ้าของและผู้ดำเนินการจำเป็นต้องมีความคุ้มครองประกันภัยที่เหมาะสมในรูปแบบของประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (Third Party Liability Insurance) และประกันภัยความรับผิดและการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ (Product Liability and Recall Insurance) เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาได้รับการชดเชยจากความรับผิดตามกฎหมาย รวมไปถึงได้รับการชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ โดยที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงและนายหน้าประกันภัยที่เชื่อถือได้นั้นสามารถช่วยระบุช่องว่างที่สำคัญของความคุ้มครองและนำมาบูรณาการปรับใช้เพื่อลดความเสี่ยงด้านความรับผิดต่อบุคคลภายนอกผ่านการศึกษาแนวโน้ม การวิเคราะห์การจัดการการด้านสถานการณ์วิกฤติและการเรียกคืนผลิตภัณฑ์
ในฟิลิปปินส์ สภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยถูกจัดให้เป็นความเสี่ยง 10 อันดับแรกจากการศึกษาความเสี่ยงด้านบุคลากรในปี 2024 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการ 'ทำสิ่งพื้นฐานให้ถูกต้อง' เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของแรงงาน ประการแรกและสำคัญที่สุด ผู้รับเหมาและผู้ดำเนินการต้องจัดหาประกันภัยส่วนบุคคลและประกันภัยอุบัติเหตุที่เพียงพอในระหว่างขั้นตอนการก่อสร้าง โดยมีความคุ้มครองที่เป็นไปตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัย
นอกจากนี้ เมื่อมีการลงทุนในสถานที่ใหม่ ๆ อุตสาหกรรมยานยนต์ยังจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ด้านบุคลากรให้เหมาะสมในเรื่องความเท่าเทียมของค่าตอบแทน ความพร้อมของทักษะ รวมไปถึงการโยกย้ายของบุคลากร
จากรายงานแนวโน้มตลาดแรงงานที่มีทักษะศักยภาพสูงทั่วโลกของ Mercer พบว่าความไว้วางใจของพนักงานในเอเชียที่มีต่อองค์กรของพวกเขายังคงลดลง โดยลดลงเกือบ 20% จากปี 2022 ถึง 2024 โดยมีพนักงาน 3 ใน 10 คนวางแผนที่จะลาออกใน 12 เดือนข้างหน้า นายจ้างในเอเชียจึงเผชิญกับความท้าทายในการรักษาพนักงาน บริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์จึงควรพิจารณาดำเนินการสำคัญ เช่น การส่งเสริมการพัฒนาเพื่อยกระดับทักษะและสร้างทักษะใหม่ ส่งเสริมความเท่าเทียมด้านค่าตอบแทนและเสนอสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพที่ครอบคลุมมากขึ้นเพื่อสร้างความไว้วางใจและรักษาพนักงานที่มีความสามารถเอาไว้
การจัดการความเสี่ยงสำหรับการขยายธุรกิจใหม่อาจซับซ้อน รายการด้านล่างนี้แสดงตัวอย่างของข้อควรพิจารณาสำคัญที่ธุรกิจยานยนต์ในเอเชียต้องพิจารณาเมื่อมี
แผนกระจายและขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ
แนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านยานยนต์ของ Marsh Asia ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ควบคู่ไปกับความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ความสามารถด้านวิศวกรรม ความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างและเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วโลกเพื่อมอบโซลูชันที่ไร้รอยต่อ ในขณะเดียวกันเราทำงานร่วมกับบริษัทประกันภัยเพื่อขยายขีดความสามารถด้านประกันภัยทั่วโลก เพิ่มความโปร่งใสและสร้างสรรค์โซลูชันนวัตกรรมสำหรับธุรกิจยานยนต์นวัตกรรมสำหรับธุรกิจยานยนต์
เราขอยกตัวอย่างกรณีศึกษาดังนี้ ผู้ผลิตแบตเตอรี่ยานยนต์จากญี่ปุ่นรายหนึ่งต้องการการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการภายในระยะเวลาที่จำกัด แต่ขาดผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินการสอบทานธุรกิจ (Due diligence) และการบริหารจัดการผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านธนาคาร กฎหมายและการบัญชี ทั้งนี้ Marsh Asia ได้เข้ามาช่วยในการตรวจสอบด้านประกันภัย อำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในแต่ละภูมิภาค (ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา) และได้มีการตอบสนองต่อข้อซักถามอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังได้จัดทำประกันภัยความเสี่ยงในการติดตั้งเครื่องจักร (Erection All-Risk) เพื่อคุ้มครองงานติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับการปรับปรุงโรงงาน ส่งผลให้ผู้ผลิตสามารถบรรลุเงื่อนไขการกู้ยืมได้สำเร็จและได้รับการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการภายในระยะเวลาที่กำหนด พร้อมทั้งมั่นใจได้ว่ามีความคุ้มครองประกันภัยที่คุ้มค่าและเพียงพอสอดคล้องความเป็นจริงทางการค้า
1 Channel News Asia. (2024). China EV makers to pivot to emerging markets as US, EU hike tariffs. https://www.channelnewsasia.com/east-asia/china-ev-industry-byd-nio-us-eu-tariffs-emerging-markets-4459426
2 East Asia Forum. (2024). Asia ground zero in the revolution of electric vehicle markets. https://eastasiaforum.org/2024/03/19/asia-ground-zero-in-the-revolution-of-electric-vehicle-markets/
3 CNBC. (2024). Asia was most impacted by extreme weather and climate in 2023, UN report shows. https://www.cnbc.com/2024/04/26/asia-most-impacted-by-extreme-weather-and-climate-in-2023-wmo.html
4 Supple Chain Digital. (2020). Thailand flooding impacts automobile supply chain. https://supplychaindigital.com/logistics/thailand-flooding-impacts-automobile-supply-chain
5 Reuters. (2024). Tesla, Volvo Car pause output as Red Sea shipping crisis deepens. https://www.reuters.com/business/autos-transportation/tesla-berlin-suspend-most-production-two-weeks-over-red-sea-supply-gap-2024-01-11/