Skip to main content

การลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ การควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (Private Equity and Mergers & Acquisitions: PEMA)

การลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ การควบรวมและเข้าซื้อกิจการเป็นโอกาสการลงทุนที่สำคัญซึ่งมาพร้อมกับความเสี่ยงจากการลงทุนและข้อตกลงใหม่ๆ  ผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยให้คุณมั่นใจว่าการทำธุรกรรมจะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ถูกต้องแม่นยำ และมีกลยุทธ์ในการลดความเสี่ยงที่ช่วยปกป้องการลงทุนของคุณ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทผู้บริหารการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ในระดับโลกได้กลายเป็นแรงผลักดันที่สำคัญในโลกการเงินระดับสูง

ด้วยเงินลงทุนจากบุคคลที่มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่สูงและกองทุนที่ระดมทุนจากโครงการต่างทำให้บริษัทเหล่านี้ประสบความสำเร็จมีสินทรัพย์มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์อยู่ภายใต้การบริหารจัดการ โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2568 การถือครองสินทรัพย์ของบริษัทผู้บริหารการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ บางโครงการอาจสูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์หรือมากกว่านั้น 

ในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง บริษัทผู้บริหารการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงบริษัทมหาชนและเอกชน ต่างแสวงหาโอกาสในการเติบโตในทุกวิถีทาง ทั้งการเข้าซื้อกิจการ การควบรวมกับคู่แข่งที่มีอยู่หรือที่อาจจะเกิดขึ้น หรือการขายสินทรัพย์ที่ไม่สร้างมูลค่าเพิ่มอีกต่อไป ซึ่งแนวทางดำเนินการเหล่านี้ช่วยก่อให้เกิดการสร้างรายได้ และในบางกรณีอาจเป็นปัจจัยสำคัญต่อความอยู่รอดของธุรกิจ 

การควบรวมกิจการ การเข้าซื้อกิจการ และการขายสินทรัพย์ ถือเป็นหนึ่งในธุรกรรมทางธุรกิจที่มีความซับซ้อนและความเสี่ยงสูงที่สุด  การดำเนินการเหล่านี้มักล้มเหลวเนื่องจากสภาวะตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลง ข้อตกลงที่ไม่สามารถปิดจบได้ หรือธุรกิจอาจเผชิญกับอุปสรรคที่ไม่สามารถจัดการได้ นอกจากนี้ บริษัทผู้บริหารการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงเพิ่มเติม ซึ่งก็คือโครงสร้างองค์กรของบริษัทอาจไม่ได้คุ้มครองความเสี่ยงให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัทให้ปลอดภัยจากความล้มเหลวในการตัดสินใจลงทุนเสมอไป

ทีมงานที่ดูแลลูกค้าด้านการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ การควบรวม และการซื้อกิจการระดับโลกของเรามีประสบการณ์มากกว่า 25 ปีในการให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อประเมิน อำนวยความสะดวก และบรรลุธุรกรรมการซื้อขายกิจการทั้งในประเทศและข้ามพรมแดนให้สำเร็จลุล่วง พร้อมทั้งบริหารความเสี่ยงทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย เราสามารถช่วยผู้ซื้อในการทำให้ข้อเสนอในการเข้าซื้อแตกต่างออกไป และช่วยผู้ขายในการออกจากธุรกิจด้วยความเสี่ยงด้านการรับประกันที่น้อยที่สุด 

ผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาและลดความท้าทายในด้านประกันภัยและบริหารความเสี่ยง โดยการทำความเข้าใจ ประเมิน และลดความเสี่ยงตลอดวงจรการลงทุน ตั้งแต่ขั้นตอนก่อนการเข้าซื้อกิจการ การทำธุรกรรม และการควบรวม ไปจนถึงการบริหารพอร์ตการลงทุนและธุรกรรมหลังการเข้าซื้อ เราสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าให้ข้อตกลงของคุณ ปรับปรุงผลลัพธ์การประเมินมูลค่า และยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานของพอร์ตการลงทุน

ความเชี่ยวชาญของเรา

ข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้อง

จุดเริ่มต้นของ Marsh PEMA ในเอเชีย

350+

มีผู้เชี่ยวชาญกว่า 350 คนทั่วโลก รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านความเสี่ยงในการซื้อขายและการควบรวมกิจการมากกว่า 100 คน

6k+

ดูแลการซื้อขายและการควบรวมกิจการมากกว่า 6,000 ธุรกรรมที่เสร็จสมบูรณ์ต่อปีในหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก

90+

บริหารพอร์ตการลงทุนทั่วโลกมากกว่า 90 รายการ

2K+

ดูแลบริษัทในพอร์ตการลงทุน มากกว่า 2,000 บริษัท

คำถามที่พบบ่อย

กลุ่มการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อาทิ  

  • ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน 
  • แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนเกี่ยวกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG) 
  • ภัยคุกคามทางไซเบอร์ 
  • ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ 
  • การพัฒนากลยุทธ์บริหารจัดการบุคลากรที่มีศักยภาพเพื่อส่งเสริมความสามารถทางเทคโนโลยี

บริษัทผู้บริหารการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงควรดำเนินมาตรการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านประกันภัยและกลยุทธ์ลดความเสี่ยงเพื่อควบคุมต้นทุน รักษาสภาพคล่อง ปกป้องสินทรัพย์ และเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากร 

ภูมิทัศน์ความเสี่ยงสำหรับการควบรวมและซื้อกิจการทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลง โดยความท้าทายที่ผู้เจรจาธุรกิจต้องเผชิญ อาทิ  

  • ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน: ข้อผิดพลาดทางการค้า ปัญหาการปฏิบัติตามกฎระเบียบ หรือ การตรวจสอบคู่สัญญาที่ไม่รอบคอบซึ่งทำให้เกิดความเสียหายทางการเงิน 
  • ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG): ด้วยแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุน ผู้เจรจราธุรกิจจำเป็นต้องประเมินการดำเนินการธุรกิจบนหลักการ ESG เพื่อสร้างการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่น่าสนใจ 
  • การบริหารบุคลากร: การจัดการวัฒนธรรมในการทำงานที่แตกต่าง และการทำให้พนักงานสามารถปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้การเข้าซื้อกิจการประสบผลสำเร็จ  
  • ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์: การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ทำให้ธุรกิจต้องเผชิญกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น 
  • การเปลี่ยนแปลงของแนวนโยบาย: การติดตามการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ เช่น ข้อกำหนดในประกันภาษีและการไม่ปฏิบัติตามอาจนำไปสู่บทลงโทษที่ร้ายแรง

เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ควรพิจารณาใช้บริการนายหน้าประกันภัยที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการลดความเสี่ยง และช่วยให้คุณรับมือกับสภาพแวดล้อมความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

การทำธุรกรรมการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ทุกประเภทล้วนต้องเผชิญกับความเสี่ยงหรือความยุ่งยากที่มีผลกระทบทางการเงิน การขาดการตรวจสอบสถานะ (due diligence) อย่างรอบคอบ และขาดการวางแผนด้านความเสี่ยงและประกันภัยอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดหรือการประเมินมูลค่าที่ผิดพลาด ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น อาทิ 

  • ไม่ได้นำการปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยมาคำนวณไว้ในงบประมาณประกันภัย 
  • ไม่มีการสำรองหรือทุนสำรองไม่เพียงพอสำหรับความสูญเสียที่ต้องรับผิดชอบเองในงบดุลที่ยกยอดมา
  • ช่องว่างในแผนประกันภัยของผู้ขาย หรือข้อกำหนดความคุ้มครองที่ไม่ครอบคลุม 
  • ความไม่ชัดเจนในข้อตกลงการซื้อขายธุรกิจ 

การตระหนักถึงความเสี่ยง ประเมินผลกระทบ และกำหนดแนวทางรองรับความเสี่ยงเหล่านี้ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน เพิ่มโอกาสในการเจรจาต่อรองด้านราคา ทำให้กระบวนการรวมกิจการเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วขึ้น ช่วยปรับปรุงข้อตกลงการซื้อขาย และลดความเสี่ยงในการเกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดได้ดีขึ้น 

นายหน้าประกันภัยที่มีประสบการณ์และความสามารถในการดำเนินการตรวจสอบประเมินสถานะได้อย่างละเอียด เช่น Marsh สามารถระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้ได้ และเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นโอกาสเพื่อสนับสนุนให้ข้อตกลงทางธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ 

กล่าวโดยง่ายคือ องค์กรใดก็ตามที่กำลังเข้าสู่กระบวนการการควบรวมกิจการหรือเตรียมเข้าซื้อกิจการหนึ่งหรือหลายแห่ง จำเป็นต้องมีหลักประกันด้านประกันภัย เนื่องจากธุรกรรมประเภทนี้มีโอกาสเกิดความผิดพลาดได้หลายรูปแบบ ดังนั้น การวางแผนความคุ้มครองและการบริหารความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ 

อย่างไรก็ตาม การตระหนักถึงความเสี่ยงก่อนเข้าสู่กระบวนการควบรวมและซื้อกิจการไม่ได้หมายความว่าคุณจะประสบความสำเร็จในการดำเนินการโดยอัตโนมัติ สิ่งสำคัญคือคุณจะต้องทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านความเสี่ยงที่มีประสบการณ์ซึ่งเคยประสบความสำเร็จในการช่วยองค์กรอื่นๆ ควบรวมและซื้อกิจการ 

บริษัทประกันภัยเริ่มตระหนักถึงปัญหาและลำดับความสำคัญของความเสี่ยงของการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีรูปแบบความคุ้มครองที่ใช้ได้กับทุกกรณี (one-size-fits-all) คุณต้องเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจและสินทรัพย์อื่นๆ ในพอร์ตการลงทุนของคุณ 

แนวทางประกันภัยหลายรูปแบบอาจเป็นประโยชน์ต่อบริษัทผู้บริหารการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเฉพาะ อาทิ 

  • ประกันความเสี่ยงในการทำธุรกรรมจากการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A): ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมและโอนย้ายความรับผิดไปยังบริษัทผู้รับประกันภัย 
  • ประกันคำรับรองและคำรับประกัน หรือประกันคำรับประกันและการชดใช้ค่าเสียหาย: ช่วยคุ้มครองผู้ซื้อจากความเสียหายที่เกิดจากการที่ผู้ขายให้ข้อมูลหรือรับรองข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้อง 
  • ประกันภาษี: ช่วยบริหารความเสี่ยงด้านภาษีที่เกิดขึ้น รวมถึงความเสี่ยงทางการเงินที่ไม่คาดคิดจากข้อตกลง ตลอดจนความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกรรม 
  • แนวทางประกันภัยสำหรับพอร์ตการลงทุน (Portfolio Insurance Solutions): เสนอแนวทางบริหารความเสี่ยงในภาพรวมของทั้งพอร์ตการลงทุนของคุณ  

นายหน้าประกันภัยผู้เชี่ยวชาญสามารถออกแบบกรมธรรม์ประกันภัยที่เหมาะสมกับความเสี่ยงเฉพาะของคุณ เพื่อให้คุณสามารถดำเนินข้อตกลงได้อย่างมั่นใจและปกป้องพอร์ตการลงทุนของคุณในระยะยาว 

ประกันภัยที่ได้รับการออกแบบอย่างมีกลยุทธ์สามารถช่วยบริษัทผู้บริหารการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ประสบความสำเร็จทางการเงินได้ ตั้งแต่ขั้นตอนการระดมทุน การเข้าซื้อกิจการ และการบริหารสินทรัพย์ ไปจนถึงกิจกรรมการขายสินทรัพย์และการถอนการลงทุน 

การพิจารณาใช้บริการเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มมูลค่าของพอร์ตการลงทุนของบริษัทในทุกช่วงของวงจรการลงทุน: 

  • ระหว่างการระดมทุน: ความคุ้มครองความรับผิดของหุ้นส่วนทั่วไป สามารถช่วยปกป้องกองทุนและผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจากความเสี่ยงตามลักษณะธุรกิจที่อาจเกิดขึ้น 
  • ระหว่างการใช้เงินลงทุน ทั้งก่อนและหลังการเข้าซื้อกิจการ: การตรวจสอบวิเคราะห์สถานะความเสี่ยงและประกันภัยของบริษัทสามารถช่วยหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น แนวทางประกันความเสี่ยงจากการทำธุรกรรมช่วยให้การทำข้อตกลงสำเร็จลุล่วง และการสนับสนุนหลังการเข้าซื้อกิจการช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น 
  • ระหว่างการบริหารเงินลงทุน: กลยุทธ์การบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมและการลดต้นทุนค่าสินไหมทดแทนในช่วงถือครองสินทรัพย์สามารถช่วยเพิ่มผลลัพธ์ทางการเงินได้ นอกจากนี้ การมีทรัพยากรที่สนับสนุนในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยเฉพาะจะช่วยให้กระบวนการเรียกร้องดำเนินไปได้อย่างราบรื่น 
  • ในช่วงถอนการลงทุน: การตรวจสอบสถานะความเสี่ยงและประกันภัยของผู้ขายสามารถช่วยให้เห็นความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และการทบทวนแนวทางประกันความเสี่ยงด้านธุรกรรมของผู้ขายจะช่วยให้เกิดการบรรลุข้อตกลงที่ประสบผลสำเร็จ นอกจากนี้ ความคุ้มครองใน IPO และ SPAC สามารถช่วยให้การถอนการลงทุนเป็นไปอย่างราบรื่น 

ประกันความเสี่ยงในการทำธุรกรรมจากการควบรวมและซื้อกิจการร่วมกับแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุม เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้บรรลุข้อตกลงที่ประสบความสำเร็จ บริการการตรวจสอบสถานะความเสี่ยงและประกันภัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการระบุประเด็นความเสี่ยงหรือความรับผิดที่อาจซ่อนอยู่ 

เนื่องจากกฎหมายภาษีมีความซับซ้อนทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ การใช้ผลิตภัณฑ์ประกันความรับผิดด้านภาษีสามารถช่วยลดความเสี่ยงของธุรกรรมได้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ แนวทางที่ช่วยให้ข้อตกลงทางธุรกิจประสบความสำเร็จที่เกี่ยวข้อง เช่น ประกันคำรับรองและคำรับประกัน และประกันความรับผิดทางภาษี สามารถช่วยให้ข้อตกลงบรรลุผลสำเร็จได้อย่างราบรื่น 

การใช้แนวทางบริหารความเสี่ยงแบบรวมศูนย์ผ่านการประกันภัยสำหรับพอร์ตการลงทุนสามารถช่วยควบคุมต้นทุนและจัดการความผันผวนได้ เมื่อบริษัทผู้บริหารการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทำงานร่วมกับที่ปรึกษาด้านประกันภัยที่ดีจะสามารถใช้แนวทางบริหารความเสี่ยงได้อย่างครอบคลุมและสอดคล้องกับความเสี่ยง ซึ่งจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น 

การใช้แพลตฟอร์มการซื้อประกันภัยแบบพอร์ตการลงทุนไม่เพียงช่วยให้สามารถบริหารและกำกับดูแลพอร์ตการลงทุนทั้งหมดได้จากจุดเดียว แต่ยังช่วยให้สามารถประเมินและจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนลดลง การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพิ่มมูลค่าของพอร์ตการลงทุนเมื่อถึงเวลาถอนการลงทุน 

เราทำงานร่วมกับผู้จัดการสินทรัพย์ทางเลือก บริษัทผู้บริหารการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ  นักลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และผู้เกี่ยวข้องในภาคส่วนนี้เพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงและปกป้องสินทรัพย์อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ เรายังใช้โปรแกรมการจัดซื้อแบบกลุ่มเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองและลดต้นทุนให้มากที่สุดตลอดช่วงระยะเวลาการลงทุนและต่อไปในอนาคต 

การเติบโตของอำนาจทางการเงินของบริษัทผู้บริหารการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ มาพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น องค์กรในภาคส่วนนี้จึงจำเป็นต้องมีความคุ้มครองที่เหมาะสมและสอดคล้องกับพอร์ตการลงทุนของตน 

นอกจากนี้ องค์กรของคุณอาจต้องเผชิญกับการตรวจสอบแนวทางปฏิบัติที่เข้มงวดมากขึ้นจากทั้งสาธารณชนและหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐ แม้ว่าคุณจะมั่นใจในความแข็งแกร่งและความมั่นคงของข้อตกลงทางธุรกิจ แต่ความเสี่ยงทางกฎหมาย กฎระเบียบ และการเงินที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้เสมอ 

การร่วมมือกับทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ของเราในการพัฒนาแนวทางการประเมิน จัดการ และถ่ายโอนความเสี่ยงที่เหมาะสมกับองค์กรของคุณ จะช่วยให้คุณสามารถยื่นประมูลหรือขายสินทรัพย์ด้วยความมั่นใจว่าแนวทางดังกล่าวจะสามารถลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุดที่จะเป็นไปได้

ทีมงานของเรา

Placeholder Image

Ai Ling Cheow

PEMA Asia and ASEAN Leader, Managing Director

Suparindaporn Wongyara

Suparindaporn Wongyara

Practice Leader, PEMA and FINPRO

  • Thailand

Please note that Marsh PB Co., Ltd and Marsh McLennan are not engaged by nor involved in any manner with Bonus Ranch and its promotion, and has not placed any insurance for nor insured any of its businesses or operations. Marsh as a licensed insurance broker will not request customers to make payment via non-standard methods, such as the transfer of money to any individual’s bank account.